นาโนซิลเวอร์ (NANO SILVER)
นาโนเทคโนโลยีช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์ได้อย่างไร เป็นคำถามที่ภาคเอกชนไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ใคร่จะรู้ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องปรับอากาศเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราเรียกว่า WHITE GOODS เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เป็นต้น
หนึ่งในบริษัทเหล่านั้นคือ บริษัท ซัมซุง ได้เป็นผู้นำทางเทคโนโลยีโดยนำเสนอการนำนาโนเทคโนโลยีมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของเขา ได้แก่ เครื่องปรับอากาศนาโน ตู้เย็นนาโน รวมทั้งเครื่องซักผ้านาโน โดยซัมซุงนำเทคโนโลยีหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากมาใช้นั่นคือ นาโนซิลเวอร์ (NANO SILVER)
นอกจากซัมซุงแล้ว แอลจี (LG) ก็นำเทคโนโลยีอนุภาคเงินขนาดนาโนมาใช้ในเครื่องดูดฝุ่นนาโนอีกด้วย
นาโนเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้ารอบตัวเรามากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จะเห็นได้ว่าเราเริ่มเห็นโฆษณาตามสื่อต่างๆถึงการนำนาโนเทคโนโลยีมาใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยสามารถฆ่าเชื้อโรคไม่ว่าจะในอากาศหรือในน้ำ โดยการนำอนุภาคเงินบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งเป็นโลหะเดี่ยวที่สามารถนำไฟฟ้าได้ดีนั้นมาแตกตัวเป็นประจุหรืออนุภาคขนาดเล็กระดับนาโน
ความจริงโลหะนั้นมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเงิน ทองแดง ทองคำ อะลูมิเนียม สังกะสี แต่ที่เราเลือกใช้โลหะเงินนั้นก็เพราะโลหะเงินจะเกิดประจุบวก Ag+ ได้ดีและมีอิเล็กตรอนวงนอกสุดเพียงตัวเดียว เมื่อโลหะเงินแตกตัวกลายเป็นประจุเงินแขวนลอย (SILVER COLLOID) อนุภาคเงินนาโนก็จะไปเกาะที่ผนังของเชื้อแบคทีเรียและแทรกเข้าไปภายในโดยไปเกาะกับหมู่ SULPHYDRYL(-SH) ของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เผาผลาญออกซิเจนและพลังงาน (OXYGENIC METABOLIC ENZYMES) ทำให้ไปขัดขวางการทำงานของเอนไซม์และทำให้เจ้าเชื้อโรคแบคทีเรียขาดอาหารและตายในที่สุด
มีการค้นพบว่าอนุภาคเงินสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 650 ชนิดรวมทั้งSTREPTOCOCCUS และ LACTO BACILLUS ที่เราคุ้นเคยกันในนมเปรี้ยว รวมทั้งแบคทีเรีย STAPHYLOCOCCUS และ E.COLI ที่เรามักจะพบในอาหารที่เน่าเสียได้ในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น ทำให้สามารถนำมาผสมในน้ำยาบ้วนปากใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากนำมาผสมในวัสดุทำหน้ากากปิดปากหรือผ้าเช็ดหน้า แม้กระทั่งพรมและสีทาบ้าน ได้มีการทดสอบแล้วว่าไม่มีโทษต่อร่างกาย เนื่องจากเงินเป็นธาตุเฉื่อยที่มีอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้วคล้ายกับทองคำ
ต่างประเทศมีการนำแผ่นทองคำมาใส่ในเหล้าหรือสาเก เพื่อช่วยให้เร่งปฏิกิริยาในการบ่มและมีรสชาติดียิ่งขึ้น แถมมีราคาแพงเสียด้วยถ้า OTOP ของไทยจะลองดูก็ได้นะครับ อาจช่วยเพิ่มมูลค่าแก่สาโทไทย (รสชาติจะดีขึ้นหรือไม่ก็ตามอย่างน้อยรสชาติทางใจก็ยังดีครับ) และมีการใช้โลหะเงินในปริมาณที่น้อยมากก็สามารถแสดงคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคได้ผลดี จึงไม่มีผลข้างเคียงใดๆ กับร่างกาย
ในสมัยโบราณย้อนไปสมัยกรีกโบราณก็มีการใช้โลหะเงินทำเป็นที่เก็บน้ำดื่ม หรือสมัยยุคตื่นทองในสหรัฐอเมริกา ทหารที่รบในสนามรบก็มีการใช้เหรียญเงินแช่ลงไปในน้ำนมก่อนดื่ม ที่อินเดียก็มีการเก็บอาหารเน่าเสียง่ายโดยใช้ภาชนะเครื่องเงิน
ดังนั้นความรู้เรื่องโลหะเงินสามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรานั้นเป็นภูมปัญญาของมนุษยชาตที่มีมานานแล้วทั่วโลก
แต่นาโนเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการฆ่าเชื้อได้มากขึ้นเนื่องจากขนาดที่เล็กของอนุภาคเงินทำให้พื้นที่ผิวมากขึ้น การทดลองพบว่าทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยเท่าตัวเลยทีเดียวและยังสามารถนำไปใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น มีการผสมเข้าไปในเส้นใยผ้าไม่ว่าจะเป็น POLYPROPYLENE หรือไนลอน (NYLON) เพื่อฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียที่อาจเกิดจากการหมักหมมของเหงื่อบนผิวหนัง จึงเหมาะมากสำหรับเสื้อผ้าสำหรับนักกีฬาหรือเครื่องแบบทหาร ตำรวจ บริษัท NISSHINBO ของประเทศญี่ปุ่นได้นำอนุภาคนาโนของเงินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นาโนเมตรผสมในผ้าที่ผลิต เกิดเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มเป็นผ้าที่ต่อต้านแบคทีเรียและกลิ่นอับ คุณสมบัติเหล่านี้จะติดทนอยู่กับผ้าอย่าถาวร ไม่ว่าจะซักผ้ากี่ครั้งก็ตาม
นอกจากนี้ยังนำมาทำเป็น GEL ฆ่าเชื้อโรคที่ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ต้องใช้น้ำ สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้อนุญาตให้ผสมอนุภาคเงินประเภท SILVER DIHYDROGEN CITRATE ในวัสดุพื้นผิวของเครื่องเล่นของเด็ก ช่วยฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับมือของเด็กเล็กๆ ที่วิ่งซุกซนในสนามเด็กเล่นและมีการใช้อนุภาคเงินนาโนในการทำความสะอาดน้ำสำหรับใช้ในโรงพยาบาลในประเทศแคนาดา ในการจัดอันดับผลิตภัณฑ์นาโนแห่งปีล่าสุด (ข้อมูลปี ค.ศ. 2004) ก็มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้อนุภาคเงินนาโนติดอันดับด้วยได้แก่ ผ้าปิดแผลนาโนซิลเวอร์ที่สามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคและป้องกันการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี
เห็นไหมว่าเจ้าอนุภาคเงินนาโนมันช่างมหัศจรรย์จริงๆ แล้วคงจะได้เห็นมันผสมอยู่ในวัสดุอื่นๆ อีกมากมาย คอยสังเกตดูรอบๆ ตัวท่านนะครับ นี่เป็นสัญญาณที่ว่าเรากำลังก้าวสู่ยุคนาโนแล้ว